บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หรือยูสเน็ต



บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร หรือยูเน็ต(usenet)
          เป็นอีกบริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีลักษณะเป็นกลุ่มสนทนา เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารกันบนเครืออินเทอร์เน็ตซึ่งคล้ายคลึงกับการเปิดเวทีสาธารณะให้ผู้คนทั่วโลกแสดงความคิดเห็นร่วมกัน  โดยผู้ใช้สามารถสมัคร (subscride)  เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวข้อที่ตนเองสนใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดซึ่งเมื่อเป็นสมาชิกแล้วจะสามารถเรียกดูข้อมูลข่าวสารต่างๆที่อยู่ภายในกลุ่มหัวข้อนั้นได้ และยังสามารถแสดงความคิดเห็น สอบถาม หรือตอบปัญหาในหัวข้อนั้นๆได้ ยูสเน็ตมีการจัดแบ่งเป็นกลุ่มหัวข้อต่างๆพร้อมทั้งยังมีกลุ่มหัวข้อย่อยมากมาย เช่น กลุ่มการเมือง กลุ่มเทคนิคด้านคอมพิวเตอร์ กลุ่มดนตรี กลุ่มศิลปะ กลุ่มกีฬา เป็นต้น  กลุ่มหัวข้อในยูสเน็ตเหล่านี้ เรียกว่า newsgroup และประเด็นข้อมูลข่าวสารในแต่ล่ะกลุ่มหัวข้อจะเรียกว่า article ซึ่งหากสมาชิกไม่ประสงค์ที่จะอ่านข่าวสารในกลุ่มหัวข้อนั้นอีกก็สามารถยกเลิกการเป็นสมาชิก(unsubscribe)ของกลุ่มหัวข้อนั้นได้
             เนื่องจากการมีกลุ่มหัวข้อต่างๆจำนวนมากในยูเน็ต จึงจัดเป็นประเภทได้โดยใช้ชื่อย่อนำหน้าของกลุ่มหัวข้อหลักประเภทต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
 
ชื่อย่อ
รายละเอียด
Comp.
     หัวข้อเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
       Sci.
     หัวข้อเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยกเว้นคอมพิวเตอร์
Soc.
    หัวข้อเกี่ยวกับสังคมและการเมือง
      News.
    หัวข้อเกี่ยวกับยูสเน็ต
Rec.
    หัวข้อเกี่ยวกับงานอดิเรก ศิลปะ กิจกรรมบันเทิง
Misc.
    หัวข้อทั่วไปไม่สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มใดได้
Alt.
    หัวข้อเกี่ยวกับนิวส์กรุ๊ปทางเลือกอื่นๆ
Bionet.
    หัวข้อเกี่ยวกับชีววิทยา
Biz.
    หัวข้อเกี่ยวกับธุรกิจและโฆษณา

ตาราง แสดงชื่อย่อกลุ่มในยูเน็ต
       

        กลุ่มหัวข้อต่างๆ จะมีชื่อคล้ายกับระบบโดเมนกล่าวคือจะประด้วยส่วนประกอบหลัก คือ ชื่อกลุ่มหัวข้อ และชื่อกลุ่มหัวข้อย่อย แต่สำหรับในระบบยูเน็สนั้น ชื่อกลุ่มหัวข้อหลักจะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนชื่อของกลุ่มหัวข้อย่อยรองๆ ลงไปจะอยู่ทาวขวามือตามลำดับ โดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุด (.) ตัวอย่างเช่น comp.ai.neural-nets คือ กลุ่มหัวข้อหลักทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer) มีความสนใจด้านปัญญาประดิษฐ์ (Al:Artificial lntelligence) และสนใจในเรื่องของนิวรอลเน็ตเวิร์ก (neural-netswork) หรือ sci.polymers  คือ กลุ่มหัวข้อหลักด้านวิทยาศาสตร์ (science) ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องโพลิเมอร์ (polymers) เป็นต้น

การโอนย้ายข้อมูล





การโอนย้ายข้อมูล(file  transfer  protocol)
              เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง  ซึ่งอาจจะอยู่ใกล้หรือไกลกัน เช่น  ถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องลูกข่ายไปยังเครื่องแม่ข่าย  ถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายมายังเครื่องลูกข่าย  หรือถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลระหว่างเครื่องแม่ข่ายด้วยกันเอง  โดยปกติผู้ใช้สามารถถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลได้ก็ต้องได้รับอณุญาตจากผู้ดูแลเครื่องแม่ข่ายนั้น  ซึ่งจะต้องทราบชือบัญชีและรหัสผ่านสำหรับการเข้าใช้บริการนี้   แต่ก็มีหลายหน่วยงานที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลได้โดยใช้อีเมลแอดเดรสเป็นรหัสผ่าน  หรอบางแห่งอาาจไม่ต้องระบุรหัสผ่านก็ได้
            ในการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล  เครื่องที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่และมีการเรียกใช้โปรแกรมสำหรับการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลนั้น   จะเรียกว่า  เครื่องต้นทาง (local  host)  ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องลูกข่ายนั่นเอง  ส่วนเคครื่องที่ทำการติดต่อไปเพื่อถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลนั้น   เรียกว่า  เครื่องปลายทาง(remote host) โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่ายสำหรับให้บริการนี้  โดยผู้ใช้งานโปรแกรมที่เครื่องต้นทางจะต้องระบุชื่อเครื่องหรือหมายเลขไอพีของเครื่องปลายทางที่ต้องการใช้บริการการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลมีการทำงาน 2 ลักษณะ  คือ
                        - get เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องปลายทางมายังเครื่องต้นทาง (download)
                        - put  เป็นการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทาง(upload)
         
            โปรแกรมสำหรับการให้บริการนี้มีอยู่จำนวนมาก  และมีอยู่บนระบบปฏิบัติการต่างๆ  แทบทุกระบบ  ไม่ว่าจะเป็นระบบไมโครซอฟต์วินโดวส์  ดอส  ยูนิกซ์  หรือแมคอินทอช  ซึ่งซอฟต์แวร์ดหล่านี้มีทั้งทีเป็นแบบแจกฟรี(freeware) และแบบให้ทดลองใช้ก่อน(shareware) ถ้าพอใจและต้องการใช้งานต่อไปหรือต้องการคุณสมบัติการทำงานที่ครบถ้วนของโปรแกรมนั้น  ก็ต้องลงทะเบียนหรือสั่งซื้อจาดผู้ขาย  สำหรับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติไมโครซอฟต์วินโดวส์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป  เช่น  WS_FTP CuteFTP  File  Zeillar เป็นต้น  นอกจากนี้มีผู้ใช้จำนวนมากนิยมใช้บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลผ่านเบราว์เซอร์อีกด้วย

บริการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกล






บริการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกล(remote login/telnet)
               บริการนี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปทำงานต่างๆ ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกลกันก็ตาม ซึ่งผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามายังสถานที่เดิมเพื่อใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว ทำให้ประหยัดเวลาเเละค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ในการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ระยะไกลผู้ใช้สามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะไกลทำงานต่างๆตามที่ต้องการได้โดยป้อนคำสั่งผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้งานกำลังใช้งานอยู่ ผลลัพธ์ในการทำานเหล่านั้นก้จะถูกส่งกลับไปแสดงที่จอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นด้วยเช่นกัน
                ในการใช้บริการนี้ ผู้ใช้งานจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ดูเเลเครื่องคอพิวเตอร์ที่้องการเข้าไปใช้งานก่อน ซึ่งผู้ใช้ผู้นั้นจะต้องทราบชื่อบัญชีพร้อทั้งรหัสผานสำหรับการเข้าใช้เคครื่องคอมพิวเตอร์นั้นด้วย โปรมเเกรมที่นิยมในการใช้บริการนี้ ได้แก่ โปรมแกรม telnet สำหรับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการวินโดว์มีอยู่มากมาย  เช่น โปรแกรม QvtNet  โปรแกรม HyperTerminal  เป็นต้น
                เมื่อเริ่มต้นใช้โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น  ผู้ใช้จะต้องระบุชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือหมายเลขไอพีของเครื่องที่ต้องการจะติดต่อเพื่อเข้าใช้งาน    จากนั้นโปรแกรมจะจำลองจอภาพของคอมพิวเตอร์ที่ระบุ  เพื่อให้ผู้ใช้กรอกชื่อบัญชีและรหัสผ่าน   หากสามารถกรอกได้ถูกต้องก็อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าทำงานต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้
                หลักการทำงานของบริการนี้   จะมีลักษณะเรียกว่า  ระบบลูกข่าย/แม่ข่าย (client/server) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งที่เป็นผู้ให้บริการด้านต่างๆ  จะเรียกว่า  เครื่องผู้ให้บริการหรือเครื่องแม่ข่าย (server) และคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆที่ติดต่อกับเครื่องแม่ข่ายเพื่อทำการร้องขอใช้บริการต่างๆ  เรียกว่า เครื่องผู้ใช้บริการหรือเครื่องลูกข่าย (client)  โดยเครื่องแม่ข่ายเครื่องหนึ่งสามารถรองรับให้บริการแก่เครื่องลูกข่ายได้จำนวนหลายเครื่อง  ซึ่งในการเข้าใช้ระบบระยะไกลนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ระยะไกลที่ผู้ขอเข้าไปใช้งานนั้นจะทำหน้าี่เป็นเครื่องแม่ข่ายส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้กำลังใช้งานนั้นจะทำหน้าที่เป็นเคร่องลูกข่าย  โดยเครื่องแม่ข่ายจะสามารถรองรับการติดต่อจากเครื่องลูกข่ายได้หลากหลายประเภท  ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเครื่องชนิดเดียวกันหรือมีระบบปฏิบัติการเหมือนกัน  เพราะการทำงานในระบบนี้จะไไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์
                   

วิกิ



วิกิ(wiki) 
       เป็นรูปแบบการเผยแพร่ข้อมูลที่บุคคลต่างๆ  ที่มีความรู้ในแต่ละเรื่องมาให้ข้อมูล   หรือปรับปรุงข้อมูลที่มีอยู่เดิมให้ถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นโดยข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไป  ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นสารานุกรมออนไลน์ที่จัดทำขึ้นในหลาายภาษา  ในลํกษณะเนื้อหาเสรี  ด้วยตัวอย่างวิกิ  เช่น  Wikiprdia  WIGIBOOKS  เป็นต้น

บล็อก





บล็อก ( blog)
      เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก ( weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม





เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม (social   networking   web  site)

            เป็นชุมชนออนไลน์ที่กลุ่มคนรวมกันเป็นสังคม  มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน  มีการทำกิจกรรมร่วมกันบนอินเทอร์เน็ต  เช่น  การทำความรู้จักกัน  การแบ่งปันรูปภาพ  วิดีโอ  แสดงความคิดเห็น  มีส่วนร่วมในการอภิปราย  หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน  เป็นต้น  ซึ่งนับได้ว่าเป็นข้อมูลสำคัญ ในการติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบัน  ตัวอย่างเว็บไซต์ทางสังคม  เช่น   Facebook  myspace   Linkedin  GotoKnow   เป็นต้น

การสื่อสารในเวลาจริง



การสื่อสารในเวลาจริง(realtime  communication)

            เป็นการสื่อสารกันที่สามารถโต้ตอบกลับได้ทันทีผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ซึ่งสามารถส่งเป็นข้อความ  ภาพนิ่ง  ภาพเคลื่อนไหว  หรือเสียง  โดยผู้ใช้ทั้งผู้รับและผู้ส่งจะต้องเข้าใช้ระบบอินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกัน  การสื่อสารในเวลาจริง  เช่น  แชท (chat)  ห้องคุย  (chat room) เป็นต้น